พระวิษณุ (Vishnu) หรือพระนารายณ์ เทพผู้ดูแลรักษา

พระวิษณุ (Vishnu) หรือเรียกอีกอย่างว่า พระนารายณ์ เป็น1 ใน 3 พระอิศวร มีบทบาทคุ้มครองปกป้องมองดูแลรักษาอีกทั้ง 3 โลกตามความศรัทธาของแขกฮินดู จากหนังสือพราหมณ์ รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่แปรไปตามสมัย ฉลองพระองค์ดุจกษัตริย์ มีมงกุฎทองคำ เครื่องแต่งตัวสีเหลือง มี 4 แขน ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แม้กระนั้นที่จะพบเจอได้บ่อยมากที่สุดเป็นถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกมือจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง(โดยจะอยู่ในลักษณะ”ประทานพร”)

jumbo jili
โดยทั่วไป พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่ทะเลน้ำนม โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนข้างหลัง อนันตนาคราช โดยมีพระมเหสีเป็น พระลักษมีมหาเทวี รอฝ้าดูแลปรนิบัตำหนิอยู่ด้านข้างเสมอ ยานพาหนะของพระวิษณุเป็น พญาครุฑ

สล็อต
พระวิษณุ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “หริ” มีความหมายว่าผู้ดูแลที่จักรวาลนับว่าเป็นเทวดาสูงสุด เพราะว่าทุกๆอย่างมีต้นเหตุมาจาก “หริ” โดย”หริ”ได้แบ่งตัวเองออกเป็น 3 เป็น
พรหม มีบทบาทสร้างและก็ลิขิตทุกสิ่งทั้งมวลในอีกทั้งสามโลก
พระวิษณุ หรือ พระหริ มีบทบาทดูแลอีกทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย รวมทั้งสมดุล
พระศิวะ มีบทบาททำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายแหล่ทั้งมวลในโลกอีกทั้งสาม
การกำเนิดของพระวิษณุ ในคู่มือไวษณพนิกาย (เชื่อถือพระวิษณุยิ่งใหญ่)พูดว่าเมื่อยามที่พระวิษณุผู้เป็นใหญ่ที่จักรวาลมีมุ่งหมายจะสร้างโลกอีกทั้ง 3 นั้น ท่านได้มีความเห็นว่าการผลิตโลกทั้งยัง 3 นี้ เป็นงานที่หนักสำหรับคนเพียงผู้เดียว ท่านก็เลยแบ่งนิดหน่อยของร่างกายท่านออกเป็นพระอิศวรอีกทั้ง 3 ท่าน โดยแขนซ้ายเป็นพรหม แขนด้านขวาเป็นพระศิวะ รวมทั้งส่วนอกเป็น พระวิษณุ (แม้กระทั้งในรูปตรีพรหม ก็จะมีความคิดเห็นว่า ใบหน้าของพระวิษณุจะอยู่กึ่งกลางเสมอ)
ส่วนในหนังสือของไศวนิกาย(เชื่อถือพระศิวะยิ่งใหญ่)จะกล่าวต่างออกไปเป็น “พระปรเมศวร” (พระศิวะ) เป็นผู้ผลิตพระวิษณุ เนื่องจากว่าทรงมีพระมุ่งมาดปรารถนาจะสร้างสรวงสวรรค์แล้วก็โลก ซึ่งถือได้ว่างานใหญ่ ก็เลยได้ทรงปรารถนาผู้ช่วย โดยการนำมือซ้ายมาลูบคลำมือขวา ก็เลยเกิดขึ้นเป็นเทวดาชื่อ “พระวิษณุ” หรือ “พระนารายณ์” พระปรเมศวร ได้สอนศิลป์ด้านต่างๆให้กับพระวิษณุ ในทุกด้าน และก็ให้ประทับอยู่ในทะเลน้ำนม เมื่อเกิดเหตุร้ายในโลกมนุษย์ หรือสรวงสวรรค์เมื่อใด พระวิษณุก็จะมีบทบาทไปปราบเหล่าอสุรี รวมทั้งผู้ปองร้ายนั้นๆโดยในบางคราวก็จะได้รับการร้องขอจากเหล่าเทพทวยเทพบ้าง

สล็อตออนไลน์
คู่มือมหาภารตะ เล่าไว้ถึงพระนารายณ์ว่าแต่ว่าเดิมเป็นฤษีตนหนึ่ง เป็นลูกของฤษีธรรมมะ ได้เดินทางจากโลกมนุษย์ ไปสู่สถานที่ของพวกพราหมณ์พร้อมคู่หูนามว่า “นร” เพื่อบำเพ็ญพยายามจนได้รับการเคารพบูชาจากเทวดาทั้งปวง ถัดมาได้รับการขอให้ช่วยเหลือจากเหล่าเทวดาให้ช่วยปราบยักษ์ที่สร้างความทุกข์ร้อน ฤษีทั้งคู่ก็เลยได้รับปากช่วยเหลือโดยได้ออกศึกกับยักษ์จนได้รับชัย ก็เลยได้รับความเคารพจากเหล่าเทวดาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน จนถึงวันหลังฤษีที่นารายณ์ได้เริ่มเดินทางไปบำเพ็ญตนยังหิมาลัยจนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์เป็นพราหมณ์ (ผู้ตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก) และก็ได้เป็นหัวหน้าเหล่าพราหมณ์ในเวลาถัดมา จากการเชิดชูเทิดทูนบูชาตลอดก่อนหน้าที่ผ่านมาจนกระทั่งมีชื่อเสียงในชื่อ “พระวิษณุ(ท้องนารายณ์)”

jumboslot
นามของพระวิษณุ พระนารายณ์ มีผู้ตั้งชื่อเรียกชื่อจากความไม่เหมือนกันตามความศรัทธา นามตามฤทธิ์อำนาจ และก็ตามรูปการณ์ที่แตกต่างตามกาล เป็นต้นว่า อนันตะ ไม่สิ้นสุด จตุรภุช มี 4 แขน มุราริ เป็นศัตรูที่มุระ นระ (นะระ) เพศชาย ท้องนารายณ์ คนที่เขยื้อนไปในน้ำ ปัญจายุทธ พระผู้ทรงอาวุธทั้งยัง 5 อย่าง ปีตามพร ทรงเครื่องสีเหลือง ทโมทร มีเชือกพันเอาไว้รอบเอว กฤษณะ, วัววินทะ, โคบาล ผู้เลี้ยงโค ชลศายิน ผู้นอนเหนือน้ำ พระพิษณุหริ ผู้รักษา อนันตไศยน นอนบนอนัตนาคราวช พระลักษมีบดี ผู้เป็นผัวของพระลักษมี วิษว์บวร ผู้คุ้มกันโลก งามภูเขา กำเนิดเอง เกศาวะ มีผมอันสวย กิรีติน ผู้ใส่มงกุฎ พระวิษณุ พระนารายณ์ ทรงประทับบนสรวงสวรรค์ เรียก ไวฉันณฐ์ ยานพาหนะ เป็นครุฑ พระวรกายสีนิล สังสรรค์เช่นกษัตริย์ มีมงกุฎ เครื่องประดับสีเหลือง มี 4 แขน ถือ สังข์ จักร ตรี คทา บ้างก็กล่าวไว้ว่าทรงถือ ดอกบัว ลูกศร ดอกไม้ หรือเชือกบ่วงบาศ หรือสายฟ้า อาวุธประจำที่ใช้เป็นสังข์ จักร คทา ธนู และก็พระขรรค์
จุดสำคัญด้านศาสนา-ลัทธิ
เมื่อลัทธิไวษณพนิกาย ซึ่งเชื่อถือว่าพระวิษณุทรงยิ่งใหญ่เหนือพระอิศวรทั้งหลายแหล่ในตรีพรหม มีความรุ่งโรจน์เยอะขึ้นในยุควงศ์สกุลปะทุปตะ ราวๆพุทธศักราชที่ 3-6 รวมทั้งกษัตริย์ประเทศอินเดียในวงศ์สกุลนี้ส่วนใหญ่จะเชื่อถือลัทธินี้ และก็ทรงรับลัทธินี้เอาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ แล้วก็เอาจัดว่าการอวตารขององค์พระวิษณุ เป็นหัวใจที่สำคัญของลัทธิภควตา (Bhagavata) ซึ่งเกิดมาในยุควงศ์สกุลปะทุปตะแล้วก็ก้าวหน้าขึ้นมาเป็นลำดับถึงแม้ว่าวงศ์สกุลระอุปตะจะเสื่อมลงและจากนั้นก็ตามลัทธินี้ก็ยังคงอยู่ แขกฮินดูยังเทิดทูนบูชาปางอวตารของพระวิษณุกันมากมาย กระทั่งในทุกวันนี้ก็ยังมีการเชื่อถืออยู่
การอวตาร (Avatar) หรือในภาษาอังกฤษว่า “Incarnation” แสดงว่า “การลงมา” เป็นการลงมากำเนิดเป็นมนุษย์หรือ “การเข้าในร่างของผู้คน” คือ พระวิษณุเสด็จลงมากำเนิดบนโลกมนุษย์เป็นภาคเป็นตอนต่างๆกันเพื่อปราบยุคเข็ญในโลกให้หมดเกลี้ยงไป นับว่าเป็นปฏิบัติงานอันสำคัญยิ่งของพระวิษณุ เมื่อมียุคเข็ญกำเนิดบนโลกมนุษย์ พระวิษณุก็จะอวตารลงมาช่วยขจัดปัดเป่าเสีย

slot
การอวตารของพระวิษณุ
การอวตารของพระวิษณุนั้นทรงอวตารเป็นทั้งยังมนุษย์แล้วก็สัตว์ รวมทั้งการอวตารของท่านจะเป็นไปตามศิวะโองการ (คำบัญชาของพระศิวะ) และก็การเชิญขอของกลุ่มเทพเจ้า การอวตารของพระวิษณุบ้างก็ว่ามีมากมายกระทั่งนับได้ยาก แม้กระนั้นปางที่มีวัตถุประสงค์เพื่อมาช่วยเทพ และก็มนุษย์โลกนี้มีทั้งหมดทั้งปวง 25 ปาง แต่ว่าปางที่นับว่าเป็นปางที่สำคัญที่สุดมี 10 ปาง
ปางที่ 1 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลา)เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกแล้วก็สัตว์ให้พ้นจากอุทกภัยโลก
ปางที่ 2 ข้ารมาวตาร (อวตารเป็นเต่า)เพื่อช่วยเหล่าเทวะและก็ยักษ์กวนทะเลน้ำนม
ปางที่ 3 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูป่า)มีสองตำนานสำคัญๆเป็น 1)เพื่อปราบอสุรีนาม”หิรัณยากษะ”ซึ่งลักเอาแผ่นพสุธาไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย และก็ 2)เพื่อจบการประลองพลังอำนาจกันระหว่าง พระศิวะ และก็ พรหม
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งราชสีห์)เพื่อปราบอสุรีนาม “หิรัณชูศิปุ” ผู้เป็นน้องชายของ “หิรัณยากษะ”
ปางที่ 5 วามที่นาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)เพื่อปราบอสุรีนาม “พาลี” ผู้เป็นเหลนของ “หิรัณชูศิปุ”
ปางที่ 6 ปรศุรามาวตาร (อวตารเป็นพราหม์ผู้ใช้ขวานเป็นอาวุธ)เพื่อปราบกษัตริย์(ผู้เป็นมนุษย์)นาม “พระผู้เป็นเจ้าอรชุน” หรือ “พระผู้เป็นเจ้าสหัสอรชุน” ผู้มีบริเวณใบหน้า 1พันหน้า ผู้ก่อยุคเข็ญแล้วก็ทำลายศาสนา
ปางที่ 7 รามาวตาร หรือ รามดวงจันทร์วตาร(อวตารเป็นพระราม กษัตริย์ที่อโยธยา)เพื่อปราบอสุรีนาม “ราวณะ” หรือ “ยักษ์” หรือที่คนประเทศไทยรู้จักกันดีในชื่อ “ทศกัณฐ์” กษํตริย์ ที่กรุงลงกา – ปางนี้เป็นหลักสำหรับการจัด จารีต และก็ ขนบประเพณี ขนบธรรมเนียมของสังคมประเทศอินเดีย
ปางที่ 8 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)เพื่อขับขี่รถม้าให้ “พระอรชุน” และก็สอนวิถี รวมทั้งกรรมวิธีการดำรงชีวิต ให้แก่พระอรชุน
ปางที่ 9 พุทธาวตาร (อวตารเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)แขกฮินดูมีความเห็นว่าพระนารายณ์อวตารในปางนี้เพื่อฉ้อโกงให้พวกนอกรีตนอกรอยที่ไม่เชื่อถือวรรณะแยกออกไปจากพราหมณ์ ; ในบางพื้นที่มั่นใจว่าปางที่เก้านี้เป็น พลรามาวตาร (อวตารเป็นพลราม)หรือพระพลรามซึ่งเป็นพี่ชายของพระกฤษณะ เป็นการอวตารคู่กับพระกฤษณะ
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร(อวตารเป็นมนุษย์ผู้ขี่ม้าขาว หรือ กัลกี)เป็นอวตารที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ว่าเป็นการพยากรณ์อนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายที่ความย่อยยับ ที่ที่เมื่อผู้คนไม่รู้ธรรมะ ไม่เคยทราบไม่ถูกถูกใจเลวทรามดีอีกต่อไป โลกทั่วโลกจะต้องพบเจอกับยุคเข็ญไปทุกหนทุกแห่ง จะมีชายขี่ม้าเผยตัวขึ้นเพื่อขจัดความตรากตรำ รวมทั้งนำธรรมะกลับมาสู่มนุษยชาติอีกรอบหนึ่ง
พระนารายณ์ 10 ปาง ในศาสนาพุทธ
บางทีอาจเป็นได้ว่าพุทธศาสนิกชนรังเกียจการที่ฮินดูนำพระศาสดาของพุทธ ไปเป็นอวตารปางหนึ่งของพระอิศวรของเขา ก็เลยมีการสลับปางที่ไม่จำเป็นเข้ามาแทน
ปางที่ 1 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชร)
ปางที่ 2 ฉันรมาวตาร (อวตารเป็นแมลงเต่าทอง)
ปางที่ 3 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลากรายทองคำ)
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งราชสีห์)
ปางที่ 5 วามทุ่งนาวตาร หรือ ทวิชาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)
ปางที่ 6 มหิงสาวตาร (อวตารเป็นมหิงสา หรือควาย)
ปางที่ 7 อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางอัปสร)
ปางที่ 8 รามาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ชื่อพระราม)
ปางที่ 9 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์เรียกว่า วีรบุรุษขี่ม้าขาว)
ความเชื่อถือแล้วก็แบบอย่าง
พระวิษณุ หรือคนประเทศไทยมักเรียกว่า พระนารายณ์ มี 4 แขน แล้วก็มีอาวุธอยู่ทั้งยัง 4 พระมือ มี ตรี คทา จักร สังข์ เป็นเทวดาผู้ผลิตโลก เทวดาผู้ถ่ายทอด สรรพวิชาช่างต่างๆโดยได้รับพรและก็ พลังอันศักดิ์สิทธิ์มากมายก่ายกองจากพระอิศวร ก็เลยมีฤทธิ์ไม่แพ้กัน แล้วก็ยังมีความเห็นว่า ผู้ใดบูชาท่านแล้วจะได้รับความปกป้อง รวมทั้งมีโชคลาภ แต่ว่าควรจะเป็นคนมีสัจจะ ถือศีล แล้วก็เจริญภาวนาเป็นที่ตั้ง
คำบูชาพระวิษณุ (ท้องนารายณ์) โอม…นะโม ทุ่งนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ทุตำหนิยัมปิ…นะโม ท้องนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ตะตำหนิยัมปิ…นะโม ท้องนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระนารายณ์ โอม…ศานตาการัม ภุชะค่ะศะยะนัม ปัทมะท้องนาภัมสุ ุเรศัม วิศวาธารัม ค่ะค่ะนะสะทฤศัม เมฆะวรรณัม ศุภางคัม พระลักษมีกานตัม กะมะละนะยะนัม โยคิภีร์ ธยานะคัมมยัม วันเทวิษณุมอภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกาทุ่งนาถัม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระวิษณุ โอม…สะศางขะจักรัม สะกิริฏะ กุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสเหม็นตุภะ ศริยัม นะมาไม่ วิษณุม หัวสา จตุรภุซัม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระราม โอม…นีลุกลามพุชะ ศยามะละ โกมะลางคัมสีตา สมา โรปิตะ วามะภาคัม ขว้างเณา มหาสายะกะ จารุ จาปัม นะมาไม่ รามัม ระฆุวัมศะ ท้องนาถัม ฯ